หลุด-ลอย - นิยาย หลุด-ลอย : Dek-D.com - Writer
×

    หลุด-ลอย

    นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมหัดเขียนนะคับผิดผลาดประการได้ ขอโทษด้วยคับ

    ผู้เข้าชมรวม

    431

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    431

    ความคิดเห็น


    5

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักอื่น ๆ
    จำนวนตอน :  6 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  28 เม.ย. 53 / 16:26 น.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ตอน  1 อุบัติเหตุ

    การเรียนวิชาศิลปะต้องใช่จิตใจในการวาด ต้องมีวิธีการลงสีที่ดี คํากล่าวของอาจารย์ประจําชั่นในช่วงเที่ยงภายใน

    ห้องเรียนกว้างที่มีโต๊ะเรียน30ตัว กลางห้องมี่เเจกันทรงสูงสีขาวไร้สิ้นลวดลายอะไรกับดอกทิวลิปสีขาวที่ปักอยู่

    กลิ่นสีที่สุดจะเหม็นน่าสะอิดสะเอียนจากนักเรียนที่ฝึกการวาดภาพ ทุกคนตั้งน่าตั้งตาสเก็ตภาพโดยใช่ดินสอ2Bเเล้วลงสี 

    มันชั่งเป็นสิ่งที่น่าเหนื่อยหนาใจเสียยิ่งนักช่วงเวลาที่ เเสนจะยาวนานเสียจริงเเต่วิชานี้เรียนกันเพียงเเค่1ชั่วโมง 

    ผมก็เป็นนักเรียนผู้หนึ่งที่ เข้าเรียนในวิชาที่เเสนน่าเบื่อไร้ซึ่งความใฝ่รู้เเละกระหายในการเรียน เมื่อไร่หนาชั่วโมงที่

    น่าเหนื่อยหนานี้จะจบสิ้นเสียที  ผมเพาวนาให้มันผ่านพ้นไปเสียที 

    ลืมไปผมชื่อ ชนิจ เพื่อนชอบเรียกว่า นิจ เป็นนักศึกษาวิชาออกเเบบภายใน มหาลัยศิลปากรตอนนี้

     ผมกําลังอยุ่ในชั่วโมงที่เเสนจะเบื่อหนานี้อยากให้มันหลุดพ้นไปจากที่เเห่งนี้เสียทีห้องสีเหลี่ยมที่มีคนนั้งร้อมวงกันวาดรูป

    รูปเจ้าดอกไม้ประหนึ่งเหมือนกับว่า เป็นสิ่งที่มีคุณค่าต้องเก็บภาพนั้นไว้โดยไม่อยากให้หายไปจากความทรงจํากลัว

    เหมือนว่าจะสูญสิ้นไปจากชีวิตนั้นละประหนึ่งเหมือนว่าดอกไม้นั้นเป็นความงามเพียงหนึ่งเดียว 

    เเล้วสิ่งที่รอค่อยก็มาถึงอาจารย์เดินมาใส่รองเท้าคัชชูดังภายในห้องที่เงียบไปด้วยสมาธิ

    ของนักศึกษา กล่าวว่า นักศึกษาทุกคนสเก็ตภาพเสร็จรึยัง

    ทุกคนมองที่อาจารย์เป็นสายตาเดียวกัน 

    วันนี้พอเเค่นี้ก่อนไว้คราวน่าค่อยเอางานมาส่งอีกครั้งนะ

    นี่ละเป็นคําที่ผมเฝ้ารอมานาน อยากให้คํานี้มาถึงอย่างใจจดใจจ่อ

    เหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตผมไว้ มันชั่งดีเสียจริง ผมตัวลอยรีบเดินออกจากห้องด้วยความ

    เบิกบานใจบอกกับ ตัวเองว่าเรารอสิ่งนี้มานานเเล้วช่วงเวลาที่เเสนจะทรมานเราผ่านพ้นมันมา

    ได้เเล้ว ผมเดินพร้อมกับรูปที่ตัวเอง สเก็ตภาพดอกทิวลิปสีขาวซึ่งลงรายละเอียดเสร็จสบูรณ์

    เเรเงาครบท้วนเหลือเเค่ส่งเท่านั้น ผมวาดรูปเสร็จตั้งเเต่30นาทีเเล้วเเต่ไม่สามารถออกจากห้อง

    ไปได้ ต้องติดอยู่ในห่วงเวลาเเห่งความเบื่อหนายจิตใจล่องลอยไปไหนต่อไหนลอยไปหา

    สิ่งที่คิดจะทําในภายภาคน่า คิดว่าคืนนี้จะทําอะไรดี

    คิดถึงชั่วโมงต่อไป ตอนนี้ตัวผมพ้นออกจากห้องเรียนที่เป็นห้องสีเหลี่ยมไร้ซึ่งอิสระ

    ออกมาสู่ข้างนอกที่ไร้ซึ่งพันธต่างๆ 

    เฮ้ย! นิจ เรียนเสร็จเเล้วรึ ไอ้ต้อมเพื่อนผมทักด้วยความเยอะเย้ยเหมือนมันรู้ว่าวิชานี้ ผมเบื่อ

    หนาเสียยิ่ง

    มันพูดต่อ ไปข้างนอกกันไหม ข้าจะพาเเกออกไปเที่ยวหวะ ช่วงเที่ยงเองไม่มีเรียนเเล้วนี่

    เออ สิไอ้ต้อม ข้าไม่มีเรียนเเล้ว เองจะชวนข้าไปไหนละ

    ต้อมซะอย่าง มีที่ดีๆให้ไปละน่า   สิ้นสุดคําพูดของต้อม

    ผมก็เริ่ม คิดในใจว่าไอ้เพื่อนคนนี้มันจะชวนเราไปไหน

    เออๆ เอาก็เอานะไปไหนไปกัน สิ้นสุดการต่อรองทางคําพูดผมเดินตามไอ้ต้อมไปด้วยความ

    อยากรู้

    เราทั้ง2เดินออกมาหลังมหาลัยศิลปกร อากาศที่เเสนร้อนในช่วงทําให้ผมยกเเขนซ้ายขึ้นมา

    มองดูนาฟิกา  จ้องมองดูที่น่าปัดบอกเวลาว่า บ่ายกว่าเเล้วรึ

    เราทั้งสองเดินกันจนถึงสะพานลอย  เห็นป้ายติดที่ทางขึ้นว่า "ห้ามเข้ากําลังปรับปรุง"  

    ต้อมพูดขึ้นว่า จะมาซ้อมอะไรกันตอนนี้เนี่ย ต้องลงเดินข้ามถนนเเล้วเพื่อนเอ้ย

    เเล้วมันยังไม่ถึงอีกรึไอ้ต้อมข้าชักอยากจะกับหอเเล้วนะโว้ย ร้อนก็ร้อน เอาน่าเเกข้ามนิด

    เดียว วันนี้ข้ารู้ว่าเองเจอเรื่องอะไรเบื่อมาเยอะจะพาเเกที่ที่เเกคิดไม่ถึงละจะบอกให้

    เดียวก็รู้เองว่าอะไร   สิ้นคําพูดของต้อม

    ผมถือของชักพลุงพลังเสียนี่ทั้งกล่องใส่สีดินสอ อีกมือขาวไม่ว่างเอ้าซะเลย 

    เอาก็เอาเดียวไม่ได้เรื่องอะไรเเกโดนเเน่ไอ้ต้อม ผมพูดด้วยเสียงที่ขู่ว่าถ้ามันไม่เด็ดจริงๆนะ

    น่าดูชมเเน่

    ต้อมมองซ้ายมองขาวอย่างระมัดระวังเเล้วมันวิ่งข้ามถนนไปอีกฝากหนึ่งยืนมองดูผมถือ

    ของอยู่  มันไม่เคยคิดจะรอที่จะช่วยถือของให้หรือข้ามไปด้วยกันเลยมันกับวิ่งไปด้วยความเร็ว

    ผมได้เเต่มองดูมันวิ่งไปอีกฝั่งหนึ่ง ใจก็คิดว่าไม่เคยคิดจะรอกันเลย

    ผมเลย ผมตะโกนส่งเสียงดังไปอีกฝากของถนน เรียกมันให้รอเเต่มันก็อยู่อีก มันยืนพิงกับ

    ต้นมะขามเเถวสนามหลวง มันเรียกผมให้ข้ามมา เสียงของมันดังเเหวกฝ่าอากาศ 

    อีกฝ้ากหนึ่ง ของถนนมาหาผม 

    ผม มองซ้ายมองขวาเห็นว่าไม่มีเเม้เเต่รถเลยซักคันมีก็เเต่รถที่อยู่ห่างไกลผมนัก ผมตัดสินใจวิ่ง 

    ขณะนั้นเสียววินาทีหนึ่งผมได้ยินเสียงไอ้ต้อมพูดว่า "ไอ้นิจ ระวังรถ" ผมไม่ได้ยินอะไรเลย

    กับคิดเสียอีกว่ารถ อะไรของเองหวะ  เเต่ไม่ทันการเเล้วรถคันนั้นออกมาจากซอยด้วยความ

    เร็วไม่มีเเม้เเต่ความ ระมัดระวัง ประจวบเหมาะกับผมวิ่งข้ามพอดิบพอดี ไอ้ต้อมเเกคิดไปเอง

    ละอย่าโกหกเลย ข้ามองดีเเล้วหน้า เเต่มันไม่ใช่สิ รถเก๋งโตโยต้าพุ่งเข้ามา สายตาของผม

    เห็นว่ามันเป็นเเค่วัตถุสีดําไม่เเม้เเต่รวดราย อะไรหนะ  วัตถุที่มีความเร็วไร้ซึ่งความรู้สึกไร้ซึ่ง

    ความนึกคิดมีเพียงมนุษร์ที่สามารถบังคับมันได้ ไม่มีเเม้กระทั้งจิตใจ

    วัตถุที่เป็นสีดํามีเสียงนั้น ไม่มีการที่จะส่งเสียงเตือบอกกล่าวถึงอุบัติเหตุที่จะเกิดขึ้นอีกภาย

    ในเสี่ยววินาทีหนึ่ง เครื่องจักรที่มีความเร็วเเละเเรงนั้นตอนนี้มันพุ่งเข้า

    ปะทะร่างผมอย่างจังไม่มีเวลาเตรียมตัวเพื่อป้องกันไม่มีเเม้เเต่คําขอร้อง สิ่งเเรกที่ความรู้สึก

    คิดได้ รู้สึกเหมือนกระดูกหัก ร่างกายสัมผัสถึงเเรงอัดกระเเทกที่มหาสาร เสียงกระดูกเเตก

    ละเอียดคล้ายกับโดนรถบท บททับกระดูก

    ร่างกายรับรู้ถึงความเจ็บปวด ร่างที่มีความรู้สึกลอยขึ้นกระเเทกกับกระจกของรถอย่างจัง 

    ข้าวของที่อยุ่ในมือลอยกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ประสาทสัมผัสทั้ง5รับรู้หมดถึงสิ่ง

    ที่เรียกว่าความทรมาน

    เเล้วสั่งการไปยังสมองบอกผมว่า เจ็บปวด ทรมาน วินาทีนี่หรอที่เรียกว่าความเป็นความตาย

    สิ้นเสียงเบรคของรถเก๋ง ร่างผมกลิ้งลงมาที่พื้น นอนหงายน่าขึ้นบนฟ้าตอนนี้ เลือดใน

    ปากออกมาดวงตาเบิกกว้าง มือเเทบจะ กระดิกไม่ได้  มันชั่งเเสนทรมานวินาทีที่ชั่งไม่เคย

    มาทักทายเราเลยจะมาก็มาไม่เคยส่งสัญญาอะไรเลยที่ปวดร้าว วินาทีเเห่งความเจ็บปวด 

    เสียงกรีดร้องของผู้คนที่พบเห็นเหตุการ เสียงผู้คนในเเถวระเเวกนั้นต่าง

    บอก เร็วรีบเรียก

    รถพยาบาลที

    เขากําลังจะตายเเล้ว! ด่วนเลยเร็วๆช่วยคนเจ็บหน่อยเร็ว

    ตอนนั้นผมรู้สึก ถึงคําว่า นี่หรือความเป็นเเละความตาย เราได้ลิ้มรสมันเข้าเเล้วหรือ  จะอยุ่

    หรือไปเท่านั้นหรือ นี่เราจะมาจบที่อายุเท่านี้หรอ  ไม่นะไม่  มือข้างซ้ายที่ยังเคยยกนาฟิกาดู

    ได้

    ตอนนี้กลับใช่การไม่ได้เสียเลย นาฟิกาถูกเเรงกระเเทกเข็ดหลุกไม่เป็นชิ้นดีกลไกการทํา

    งานของได้หยุดลงเเต่เพียงเท่านี้ หวนคิดว่านี้เราคงหมด เวลาสําหรับโลกใบนี้เเล้วหรือ "เเต่"

    ไม่สิผมยังมีชีวิตอยู่ผมยังมีลมหายใจ  เเต่จิตใต้สํานึกกําลังกดให้ผมยอดรับความจริง

    ประการหนึ่ง บอกถึงความจริงว่า   ผมกําลังจะตาย? 

    อ่านต่อตอนที่1 คับ ชื่อตอนอะไรเดียวจะมาบอกนะคับ

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น